ไอซ์แลนด์สั่งยกเลิกเที่ยวบิน และปิดน่านฟ้าเหนือสนามบิน 4 แห่งของประเทศ หลังจากภูเขาไฟใต้ธารน้ำแข็งเกิดปะทุ พ่นเถ้าถ่านหนาทึบ หวั่นเป็นอันตรายต่อการบินในยุโรปจากการปะทุเถ้าถ่านของภูเขาไฟ กริมส์วอท์น(Grimsvotn) ใต้ธารน้ำแข็งวัตนาโจกัลล์ (Vatnajokull) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ทางการไอซ์แลนด์ต้องสั่งยกเลิกเที่ยวบิน รวมไปปิดน่านฟ้าเหนือสนามบิน 4 แห่งของประเทศ โดยทางโฆษกประจำสนามบินระหว่างประเทศเกฟลาวิค(Keflavik) เผยว่า ขณะนี้ไม่มีเที่ยวบินระหว่างประเทศขึ้นหรือลงที่สนามบินในไอร์แลนด์แล้ว อย่างไรก็ตามทางทางการไอซ์แลนด์จะประเมินสถานการณ์อีกทีว่าจะเปิดดำเนินการได้เมื่อไหร่
ทั้งนี้คาดว่าเถ้าถ่านที่ปะทุออกจากภูเขาไฟดังกล่าว จะเคลื่อนตัวไปยังสก็อตแลนด์ในวันพรุ่งนี้ และจะเข้าสู่น่านฟ้าฝรั่งเศสและสเปน ในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม หน่วยงานควบคุมการจราจรทางอากาศของยุโรป เผยว่า การปะทุของเถ้าถ่านดังกล่าว ไม่มีผลกระทบต่อเที่ยวบินในยุโรปและเที่ยวบินที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก
ขณะที่นักท่องเที่ยวที่พักอาศัยใกล้กับภูเขาไฟดังกล่าว ต่างตื่นตาตื่นใจกับภาพที่เห็น และพบว่ามีเถ้าถ่านปกคลุมโรงแรมที่พัก แต่ไม่จำเป็นต้องอพยพ เพราะสถานการณ์ไม่น่ากลัว
ก่อนหน้านี้ไอซ์แลนด์ เคยเผชิญปัญหานี้มาแล้ว เมื่อภูเขาไฟเอ-ยา-ฟา-ลา-ยู-กัลล์ (Eyjafjallajokull)เกิดปะทุเมื่อปีที่แล้ว และเถ้าถ่านที่ปะทุออกมา ได้สร้างปัญหาให้กับการจราจรทางอากาศทั่วยุโรป ทำให้ผู้โดยสารตกค้างตามสนามบินในประเทศต่างๆในยุโรปเป็นจำนวนมาก และกลายเป็นจุดสนใจจากผู้คนทั่วโลก
เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.0 ริกเตอร์ ที่กรุงซาน โฮเซ่ เมืองหลวงของคอสต้า ริก้า ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากรายงานของสำนักสำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ ระบุว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 16.47 น.เมื่อวานนี้ ตามเวลาท้องถิ่น หรือ 05.47 น.ของวันนี้ ตามเวลาไทย วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.0 ริกเตอร์ มีจุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงซาน โฮโซ่ ไปทางตะวันตก 25 กิโลเมตร และลึกลงไปใต้ดิน 70 กิโลเมตร แรงสั่นสะเทือนทำให้อาคารบ้านเรือน รวมไปถึงชั้นวางสินค้าในซุปเปอร์มาเก็ตสั่นไหว สร้างความแตกตื่นให้กับประชาชน วิ่งออกมาอยู่นอกบ้าน
อย่างไรก็ตามไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต รวมไปถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้
